(23 พ.ค. 68) กระทรวงสาธารณสุข Kick-Off เปิดตัวรถตรวจสุขภาพสูงวัยเคลื่อนที่ รองรับสังคมผู้สูงอายุของประเทศไทย ผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปมากกว่า 14.37 ล้านคน และพบปัญหาการป่วยด้วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs ย่อมาจาก Non-Communicable Diseases) ได้แก่ โรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน และโรคหัวใจ รายงานของระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ปี 2566 ผู้สูงอายุใช้บริการผู้ป่วยนอกกว่า 68.9 ล้านครั้ง แต่มีผู้สูงอายุจำนวนมากที่มีข้อจำกัด กรมการแพทย์ จึงได้พัฒนา “รถตรวจสุขภาพ สูงวัยเคลื่อนที่” นำบริการสาธารณสุขออกไปถึงชุมชนและกลุ่มเป้าหมาย คาดว่า 1 คัน/ปี จะช่วยเพิ่มโอกาสเข้าถึงบริการของผู้สูงอายุได้ถึง 21,600 คน ใน 6 บริการหลัก เช่น ตรวจสุขภาพพื้นฐาน การคัดกรองประเมิน ตรวจรักษา ให้คำปรึกษาด้านโรค NCDs และบริการฉีดวัคซีน ถือเป็นนวัตกรรมที่จะช่วยลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงบริการ ส่งเสริมการป้องกันโรค และลดภาระให้แก่โรงพยาบาลและประชาชน โดยเขตสุขภาพที่ 4 (นนทบุรี ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา สระบุรีลพบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง และนครนายก) เป็นพื้นที่นำร่องในการนำรถตรวจสุขภาพสูงวัยเคลื่อนที่ไปให้บริการประชาชน
(23 พ.ค.68) นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข มอบหมายให้ นพ.ศักดา อัลภาชน์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานเปิดงาน Kick-Off เปิดตัวรถตรวจสุขภาพสูงวัยเคลื่อนที่ โดยมี นายกิตติกร โล่ห์สุนทร เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นพ.ธนินทร์ เวชชาภินันท์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ และผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข เข้าร่วม
นพ.ศักดา กล่าวว่า ประเทศไทยเข้าสู่สังคมสูงอายุอย่างสมบูรณ์ มีประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไป มากกว่า 14.37 ล้านคน คิดเป็น 21.87% ของประชากรทั้งหมด และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งเป็นความท้าทาย ด้านสุขภาพจากปัญหาการป่วยด้วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (Non Communicable Disease: NCDs) โรคที่พบมากที่สุด คือ ความดันโลหิตสูง เบาหวาน และโรคหัวใจ โดยผู้สูงอายุมากกว่า 38% มีโรคประจำตัวมากกว่า 2 โรค รวมถึง มีปัญหาสุขภาพที่พบบ่อย เช่น การมองเห็น สุขภาพช่องปาก ภาวะสมองเสื่อม และการพลัดตกหกล้ม หากไม่ได้รับการดูแลที่เหมาะสมอาจนำไปสู่ภาวะพึ่งพิงและส่งผลต่อคุณภาพชีวิตในระยะยาว ทำให้ต้องเข้ารับบริการสาธารณสุขอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เกิดความแออัดในโรงพยาบาลรัฐมากขึ้น โดยเฉพาะโรงพยาบาลระดับตติยภูมิ (โรงพยาบาลที่ให้บริการดูแลสุขภาพขั้นสูงและเฉพาะทาง) ได้แก่ โรงพยาบาลศูนย์ สถาบันเฉพาะทางต่าง ๆ และโรงพยาบาลในโรงเรียนแพทย์
จากรายงานของระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ปี 2566 พบว่า ผู้สูงอายุใช้บริการผู้ป่วยนอก
กว่า 68.9 ล้านครั้ง และเข้าใช้บริการในสถานพยาบาลเพิ่มขึ้นกว่า 2% หรือประมาณ 1.8 ล้านครั้งต่อปี อย่างไรก็ตาม ยังมีผู้สูงอายุอีกมากที่มีข้อจำกัดด้านเศรษฐกิจและสังคม ทำให้ไม่สามารถเดินทางเข้ารับบริการด้านสุขภาพได้ กรมการแพทย์ โดยสถาบันเวชศาสตร์สมเด็จพระสังฆราชญาณสังวรเพื่อผู้สูงอายุ จึงได้พัฒนา “รถตรวจสุขภาพสูงวัยเคลื่อนที่” นำบริการสาธารณสุขออกไปถึงชุมชนและกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งประมาณการณ์ว่าใน 1 ปี รถตรวจสุขภาพเคลื่อนที่ 1 คัน จะช่วยเพิ่มโอกาสเข้าถึงบริการของผู้สูงอายุได้ถึง 12% หรือ 21,600 คน ถือเป็นนวัตกรรมสำคัญที่จะช่วยลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงบริการ ส่งเสริมการป้องกันโรค และสนับสนุนการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุให้สามารถดำรงชีวิตได้อย่างมีคุณภาพ ลดภาระของโรงพยาบาล และลดภาระของประชาชนในการเดินทาง โดยเฉพาะพื้นที่ห่างไกล
ด้าน นพ.ธนินทร์ กล่าวว่า โครงการรถตรวจสุขภาพสูงวัยเคลื่อนที่ ถือเป็นนวัตกรรมเชิงระบบ
ที่สอดคล้องกับแนวคิดของกรมการแพทย์ คือ“ทำดีที่สุด เพื่อทุกชีวิต” ซึ่งหมายถึงการออกแบบบริการ
ที่สนับสนุนให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการได้อย่างแท้จริง โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางอย่างผู้สูงอายุ
ที่มีข้อจำกัดทั้งทางร่างกายและการเดินทาง ช่วยเพิ่มโอกาสการเข้าถึงบริการทางการแพทย์เฉพาะทาง
ของผู้สูงอายุ
สำหรับรถตรวจสุขภาพสูงวัยเคลื่อนที่ มี 6 บริการหลัก ได้แก่
1. การตรวจรักษา ติดตาม ให้คำปรึกษาด้านโรค NCDs ภาวะสมองเสื่อมและภาวะหกล้ม
2. ตรวจคัดกรองสุขภาพช่องปาก
3. ให้คำปรึกษาทางไกล (Tele-Consult) โดยทีมสถาบันเวชศาสตร์สมเด็จพระสังฆราชญาณสังวร
เพื่อผู้สูงอายุ
4. ตรวจสุขภาพเบื้องต้น (วัดความดัน ตรวจเบาหวาน ชั่งน้ำหนัก ฯลฯ)
5. ให้คำปรึกษาด้านโภชนาการและกิจกรรมพัฒนาร่างกาย
6. ฉีดวัคซีนและเวชภัณฑ์เบื้องต้น
โดยได้รับความร่วมมือจากผู้แทนเขตสุขภาพที่ 4 ประกอบด้วย นนทบุรี ปทุมธานีพระนครศรีอยุธยา สระบุรี ลพบุรี สิงห์บุรีอ่างทอง และนครนายก ซึ่งเป็นพื้นที่นำร่องในการนำรถตรวจสุขภาพสูงวัยเคลื่อนที่ไปให้บริการประชาชน
#สธKickOffเปิดตัวรถตรวจสุขภาพสูงวัยเคลื่อนที่ให้บริการเชิงรุก6ด้าน #กรมการแพทย์ #กระทรวงสาธารณสุข #นโยบายรัฐบาล20กระทรวง