นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงาน FTI EXPO 2025 และกล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “จุดประกายอุตสาหกรรมไทย สร้างเศรษฐกิจใหม่นำประเทศสู่ความยั่งยืน” จัดโดย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เพื่อต่อยอดอุตสาหกรรมของไทยให้เดินหน้าต่อได้อย่างเข้มแข็ง แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของอุตสาหกรรมไทยทั้งอุตสาหกรรมแบบดั้งเดิม และอุตสาหกรรมแห่งอนาคต สร้างผลิตภัณฑ์ของไทย Made in Thailand ให้เข้มแข็งและได้มาตรฐานโลก ดึงดูดนักลงทุน โดยนายกรัฐมนตรี เชื่อว่าการจัดงานภายใต้แนวคิด 4GO คือ GO Digital & AI, GO Innovation, GO Green และ GO Global แม้เป็นสิ่งเรียบง่ายแต่มีพลังมาก สามารถเปลี่ยนอุตสาหกรรมของไทยได้จริง และทำให้ทั่วโลกเกิดการยอมรับ ขณะที่สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เดินหน้านโยบาย One FTI ประกอบด้วย ONE Vision, ONE Team และ ONE Goal ผนึกกำลัง 47 กลุ่มอุตสาหกรรม 76 จังหวัด ในการวางรากฐานและขับเคลื่อนการพัฒนาอุตสาหกรรมไทย รวมทั้งยกระดับ SMEs ไปสู่ Smart SMEs ด้วยแนวทาง 4GO ที่ครอบคลุมในเรื่องของดิจิทัล นวัตกรรม การขยายตลาดต่างประเทศ และการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน
(13 ก.พ. 68) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงาน FTI EXPO 2025 และกล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “จุดประกายอุตสาหกรรมไทย สร้างเศรษฐกิจใหม่นำประเทศสู่ความยั่งยืน” ที่จัดโดยสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า งาน “ FTI EXPO 2025 ภายใต้แนวคิด EMPOWERING THAI INDUSTRY, ELEVATING THAILAND'S FUTURE” เสริมพลังอุตสาหกรรมไทย เพื่ออนาคตไทยที่ยั่งยืน ได้เห็นการจัดบูธต่าง ๆ แม้ไม่ใหญ่มาก แต่คือพลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย เพราะอุตสาหกรรมเป็นหนึ่งในสามของการผลักดัน GDP ของประเทศ ซึ่งเอกชนคือผู้ที่ลงทุนลงแรงในการหาข้อมูลในการผลิต การพัฒนาคนในหลาย ๆ ด้าน เพื่อให้อุตสาหกรรมแข็งแรง แต่รัฐบาลพร้อมสนับสนุนอุตสาหกรรมของประเทศไทยให้เติบโตต่อไป ให้ทั่วโลกรู้ว่าเมื่อเปิดประเทศหลังจากสถานการณ์โควิด อุตสาหกรรมของประเทศไทยยังแข็งแรงเหมือนเดิม พร้อมเป็นแหล่งผลิตสินค้าอุตสาหกรรม ผลิตคน ที่สามารถพัฒนาต่อยอดไปได้อีก
นายกรัฐมนตรี มั่นใจว่า คนไทยที่รับชมการถ่ายทอดสด โดยเฉพาะ SMEs ที่ไม่ได้มาร่วมงาน จะเกิดแรงบันดาลใจ เมื่อเอกชนและรัฐบาลทำงานร่วมกันจะสามารถต่อยอดอุตสาหกรรมของไทยให้ไปต่อได้อย่างเข้มแข็งอย่างแน่นอน ทั้งนี้ การสร้างมูลค่าเพิ่มทั้งต่อสินค้าและการบริการจะสามารถสร้างโอกาสและสร้างความแตกต่างให้กับประเทศไทย ผลิตภัณฑ์ของไทย Made in Thailand (MiT) ให้เข้มแข็งและได้มาตรฐานโลก ซึ่งจะช่วยให้เศรษฐกิจของประเทศพลิกฟื้นได้”
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า SMEs ของประเทศมีกว่า 75% รัฐบาลมีนโยบาย มีหลักในการพัฒนา SMEs ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของกฎหมายต่าง ๆ ที่ให้แต่ละกระทรวงดูว่ากฎหมายข้อใดที่สามารถปรับหรือยกเลิกได้ทันที เพื่อเป็นการเปิดช่องทางให้ SMEs เปิดโอกาสเพิ่มการลงทุน เพิ่มศักยภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งต่อจากนี้ จะมีการตั้งทีมเพื่อเข้ามาช่วยดูแลในเรื่องดังกล่าว ไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อน สำหรับงานที่จัดขึ้นภายใต้แนวคิด 4GO ประกอบด้วย GO Digital & AI, GO Innovation, GO Green และ GO Global เป็นอะไรที่เรียบง่ายแต่มีพลังมาก สามารถเปลี่ยนอุตสาหกรรม ของไทยได้จริง ทำให้ทั่วโลกเกิดการยอมรับ เกิดการมองเห็นประเทศไทยได้จริง ดังนี้
1. GO Digital & AI รัฐบาลจะเพิ่มความแข็งแกร่งของระบบโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลให้ดึงดูดการลงทุนมากขึ้น
2. GO Innovation ดึงดูดอุตสาหกรรมการลงทุนในอนาคต เซมิคอนดักเตอร์
3. GO Green พลังงานสีเขียวเป็นสิ่งที่ทั่วโลกตระหนักถึงความสำคัญ มาพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่ ๆ
4. GO Global การต่อยอดการขยายข้อตกลงทางการค้า
นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า “การที่ร่วมมือกับประเทศต่าง ๆ จะนำไปสู่การร่วมมือในเรื่องของการวิจัย ต้องลงทุนเรื่องนี้อย่างจริงจัง เชื่อว่าประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย จะร่วมมือกับกระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ซึ่งการวิจัยและการพัฒนา (R&D) เป็นพื้นฐานเพื่อพัฒนาต่อไปได้อย่างเข้มแข็ง และมีรากฐานที่มั่นคง สำหรับในอนาคตการเตรียมความพร้อมของคนรุ่นใหม่ให้มีความรู้ความสามารถในเรื่องของอุตสาหกรรม เป็นสิ่งที่จำเป็นต้องทำได้อย่างแน่นอน เพื่อแสดงศักยภาพของคนไทย และสร้างแรงบันดาลใจให้กับหลาย ๆ คน ซึ่งการทำงานร่วมกันจะทำให้อุตสาหกรรม ถูกพัฒนาอย่างยั่งยืน เศรษฐกิจถูกกระตุ้น ทำให้ประเทศไทยมีกินมีใช้”
ด้าน นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การจัดงาน FTI Expo 2025 ระหว่างวันที่ 12 - 15 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 10.00 – 19.00 น. ณ Hall 5 - 8 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เป็นงานแสดงศักยภาพอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดที่มีมา ซึ่งมีการจัดครั้งแรกเมื่อปี 2022 ที่จังหวัดเชียงใหม่
ครั้งนี้เราจัดเป็นครั้งที่ 2 คือ FTI Expo 2025 วัตถุประสงค์เป็นการแสดงให้เห็นถึงความพร้อมของอุตสาหกรรมไทยในการไปต่อ ในการเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน ทำอย่างไรที่เราจะเห็นช่องทางที่อุตสาหกรรมของเราจะเข้าไปสู่การเป็นสินค้าที่โลกต้องการ ภาคอุตสาหกรรมเป็นภาคที่มีความสำคัญต่อ GDP และการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจของประเทศ มีสัดส่วน GDP ของประเทศถึง 1 ใน 3 แต่ความท้าทายและการแข่งขันมากมายที่เกิดขึ้นก็ Disrupt อุตสาหกรรมต่าง ๆ ทำให้ต้องปรับตัว ต้องรวมพลัง จึงเป็นที่มาของนโยบายของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยที่เรียกว่า One FTI ประกอบด้วย ONE Vision, ONE Team, และ ONE Goal จะต้องผนึกกำลังทุกภาคส่วน 47 กลุ่มอุตสาหกรรม 76 จังหวัด ผนึกกำลังรวมเป็นหนึ่งและมีทิศทางในการขับเคลื่อนที่ชัดเจน โดยสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยได้แบ่งอุตสาหกรรมออกเป็น 2 ส่วน คือ
1. First Industries หรือ อุตสาหกรรมดั้งเดิม ที่ประกอบด้วย 45 กลุ่มอุตสาหกรรม (11 คลัสเตอร์) 76 สภาอุตสาหกรรมจังหวัด (5 ภาค/คลัสเตอร์จังหวัด) ส่วนใหญ่เป็น SMEs จึงมีมาตรการสำคัญที่จะมาช่วยให้กลุ่มนี้ไปต่อได้ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขั้นด้วยนโยบาย 4GO
2. อุตสาหกรรมใหม่หรืออุตสาหกรรมแห่งอนาคต (Next-GEN Industries) ซึ่งขณะนี้ภาครัฐได้กำหนดชัดเจน และมีมาตรการในการขับเคลื่อน ทั้งนี้ มั่นใจว่าประเทศไทยจะเดินไปได้แน่นอนด้วยความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และทุกภาคส่วนรวมถึงภาคการศึกษาต่าง ๆ ที่จะทำให้ประเทศไทยไปสู่การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และเข้าไปสู่เวทีโลกได้มากขึ้น พร้อมที่จะดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติ พร้อมที่จะเป็นฐานการผลิตของสินค้าแห่งอนาคต และที่สำคัญพร้อมที่จะทำให้ SMEs ของไทยสามารถแข่งขันได้ภายใต้นโยบาย Made in Thailand (MiT) สินค้าของไทยขณะนี้เป็นระดับมาตรฐานโลก แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือจะต้องให้การสนับสนุนอย่างจริงจัง
#นายกฯเปิดงานFTIEXPO2025เสริมพลังอุตสาหกรรมไทยเพื่ออนาคตไทยที่ยั่งยืน #ต่อยอดอุตสาหกรรมไทยเข้มแข็ง #4GO #MadeinThailand #กระทรวงอุตสาหกรรม #นโยบายรัฐบาล20กระทรวง