สธ. เตือนค่าฝุ่น PM2.5 ยังสูงเกินมาตรฐานถึง 15 ม.ค. ห่วง 38 ล้านคนรับผลกระทบ เน้น 4 ข้อสั่งการรับมือ “ติดตาม-แจ้งเตือน-ป้องกัน-เฝ้าระวัง”

สธ. เตือนค่าฝุ่น PM2.5 ยังสูงเกินมาตรฐานถึง 15 ม.ค. ห่วง 38 ล้านคนรับผลกระทบ เน้น 4 ข้อสั่งการรับมือ “ติดตาม-แจ้งเตือน-ป้องกัน-เฝ้าระวัง”

     นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีข้อสั่งการในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2568 เรื่องมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหา PM2.5 โดยให้กระทรวงต่าง ๆ เร่งขับเคลื่อนมาตรการที่เกี่ยวข้องและผลักดันความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนแก้ปัญหาอย่างเข้มแข็งและมีประสิทธิภาพเพื่อคืนอากาศที่สะอาดให้กับประชาชน ขณะที่กระทรวงสาธารณสุข รายงานสถานการณ์ค่าฝุ่น PM 2.5 ตั้งแต่วันที่ 11 ตุลาคม 2567 - 9 มกราคม 2568 ภาพรวมจังหวัดที่มีค่าฝุ่นเกินมาตรฐาน 37.5 มคก./ลบ.ม. หรือระดับสีส้ม จำนวน 53 จังหวัด พบเกินมาตรฐานระดับมีผลกระทบต่อสุขภาพหรือสีแดง (75 มคก./ลบ.ม.ขึ้นไป) จำนวน 11 จังหวัด และมีแนวโน้มค่าฝุ่นจะเกินมาตรฐานไปจนถึงวันที่ 15 มกราคม 2568 โดยเฉพาะในพื้นที่ กทม. ปริมณฑล ภาคกลาง และภาคเหนือ ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ได้รับผลกระทบ 38 ล้านคน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้ป่วยโรคหอบหืด ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง และเด็กเล็ก รวม 15 ล้านคน กระทรวงสาธารณสุข ใช้ 4 มาตรการดำเนินการสร้างความรอบรู้ด้านสุขภาพ ติดตามสถานการณ์และประชาสัมพันธ์เชิงรุก แจ้งเตือน เฝ้าระวัง และจัดคลินิกมลพิษทางอากาศดูแลชุมชน ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก สถานดูแลผู้สูงอายุ โรงเรียนประจำ พร้อมประสานความร่วมมือทุกฝ่ายดูแลสุขภาพให้ประชาชน เช่นเดียวกับอีกหลายหน่วยงาน ทั้ง กรมควบคุมมลพิษ และ กทม. กำหนดมาตรการเข้มงวดตรวจสอบและห้ามใช้รถยนต์ควันดำในช่วงวิกฤตฝุ่นในเมืองทั้งในพื้นที่กรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด จัดเตรียมทีมเจ้าหน้าที่ใช้มาตรการเชิงรุกแก้ปัญหา ลดกระทบ รวมถึงการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง สามารถปรึกษาเรื่องสุขภาพ โทร. HOTLINE 1646 สายด่วนสุขภาพ สนพ. ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง

ทุกหน่วยงานขานรับข้อสั่งการนายกฯ เร่งแก้ปัญหา PM2.5
     นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีข้อสั่งการในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2568 เรื่องมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหา PM2.5 โดยให้กระทรวงต่าง ๆ เร่งขับเคลื่อนมาตรการที่เกี่ยวข้องและผลักดันความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในการดำเนินการแก้ปัญหา PM2.5 อย่างเข้มแข็ง
     นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานการประชุมทางไกลติดตามสถานการณ์และเตรียมความพร้อมด้านการแพทย์และสาธารณสุข เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2568 กรณีหมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็ก ปี 2568 โดยมี นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมอนามัย และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทุกแห่งเข้าร่วม ระบุว่า สถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ตั้งแต่วันที่ 11 ตุลาคม 2567 - 9 มกราคม 2568 
     •    ภาพรวมพบจังหวัดที่มีค่าฝุ่นเกินมาตรฐาน 37.5 มคก./ลบ.ม. หรือระดับสีส้ม จำนวน 53 จังหวัด พบเกินมาตรฐานระดับมีผลกระทบต่อสุขภาพหรือสีแดง (75 มคก./ลบ.ม.ขึ้นไป) จำนวน 11 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร เพชรบุรี สมุทรสาคร สระบุรี นครปฐม พิษณุโลก นนทบุรี สมุทรปราการ ระยอง สมุทรสงคราม และราชบุรี 
     •    ค่าฝุ่นมีแนวโน้มจะเกินมาตรฐานไปจนถึงวันที่ 15 มกราคม 2568 เนื่องจากการระบายอากาศต่ำ ทำให้มีสภาพอากาศปิด รวมทั้งพบจุดความร้อนทั้งในประเทศและต่างประเทศสูงขึ้น ฝุ่นละอองจึงมีแนวโน้มสะสมมากขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ กทม. ปริมณฑล ภาคกลาง และภาคเหนือ
     มลพิษอากาศ เป็นสาเหตุทำให้เสียชีวิตมากที่สุดเป็นอันดับ 5 ของโลก เป็น 1 ใน 5 ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) และเป็นปัจจัยเสี่ยงก่อโรคมะเร็ง ทั้งยังทำให้อายุขัยเฉลี่ยของคนไทยลดลง 1.78 ปี กระทรวงสาธารณสุข จึงมีการเฝ้าระวังแจ้งเตือนประชาชนเมื่อค่าฝุ่นสูงและเตรียมความพร้อมดูแลสุขภาพ โดยมีประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ได้รับผลกระทบ 38 ล้านคน ในจำนวนนี้เป็นกลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้ป่วยโรคหอบหืด ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง และเด็กเล็ก รวม 15 ล้านคน โดยมีมาตรการด้านการแพทย์และสาธารณสุขตามระดับความรุนแรงของค่าฝุ่น PM2.5 เฉลี่ยในรอบ 24 ชั่วโมง 4 มาตรการ ได้แก่ 
     1. การสร้างความรอบรู้ด้านสุขภาพ โดยติดตามสถานการณ์และประชาสัมพันธ์เชิงรุก เน้นการสื่อสารและแจ้งเตือนผ่านระบบดิจิทัล เช่น Platform หมอพร้อม, SMART อสม. ครอบคลุมทั้งประชาชนในพื้นที่และนักท่องเที่ยว
     2. การลดและป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพโดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง โดยเฝ้าระวังและติดตามผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนจาก PM2.5 จัดทำห้องปลอดฝุ่นในสถานบริการและพื้นที่เสี่ยง และสนับสนุน “มุ้งสู้ฝุ่น” รวมถึงพิจารณา Work From Home สำหรับกลุ่มเปราะบางเมื่อค่าฝุ่นเกินมาตรฐาน
     3. การจัดบริการด้านการแพทย์และสาธารณสุข โดยขยายเครือข่ายบริการดูแลสุขภาพให้ครอบคลุม ทั้งคลินิกมลพิษทางอากาศ คลินิกเวชกรรมสิ่งแวดล้อม ให้คำปรึกษาคลินิกมลพิษออนไลน์ จัดระบบนัดหมายคลินิกมลพิษผ่านระบบหมอพร้อม และจัดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่/ทีมปฏิบัติการดูแลสุขภาพกลุ่มเปราะบาง เช่น ชุมชน ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก สถานดูแลผู้สูงอายุ โรงเรียนประจำ เป็นต้น 
     4. เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการหากสถานการณ์รุนแรง ให้เปิดศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินในทุกระดับ และส่งเสริมองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้ใช้ พ.ร.บ.การสาธารณสุขฯ ในการควบคุมฝุ่นละออง

สธ. จัดเตรียมห้องปลอดฝุ่น-มุ้งสู้ฝุ่น      
     •    ขณะนี้ใน 56 จังหวัดที่เป็นพื้นที่เสี่ยงมีห้องปลอดฝุ่นแล้ว 4,700 ห้อง แบ่งเป็น สถานบริการของกระทรวงสาธารณสุข 3,009 ห้อง ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก/โรงเรียน 858 ห้อง อาคารสำนักงาน 457 ห้อง และร้านอาหาร ร้านกาแฟ ฯลฯ 376 ห้อง 
     •    มุ้งสู้ฝุ่นที่ช่วยลดปริมาณฝุ่นภายในบ้านมีการกระจายใน 34 จังหวัด รวม 1,338 ชุด โดยจะมีการสนับสนุนหน้ากากอนามัยและมุ้งสู้ฝุ่นที่จุดเสี่ยงและหน่วยบริการสาธารณสุขเพิ่มเติม 
     สำหรับการเฝ้าระวังโรคจากการรับสัมผัสฝุ่น PM2.5 จะดำเนินการผ่านระบบคลังข้อมูลสุขภาพ Health Data Center (HDC) กระทรวงสาธารณสุข โดยเฝ้าระวังใน 4 กลุ่มโรค ได้แก่ กลุ่มโรคทางเดินหายใจ เช่น โรคหืด โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง กลุ่มโรคหัวใจหลอดเลือด กลุ่มโรคผิวหนังอักเสบ เช่น โรคผื่นผิวหนังอักเสบ โรคผื่นลมพิษ และกลุ่มโรคตาอักเสบ นอกจากนี้ จะคัดกรองสุขภาพเชิงรุกและรวบรวมข้อมูลผู้รับบริการในร้านขายยาเมื่อค่าฝุ่น PM2.5 มากกว่า 75 มคก./ลบ.ม. และคัดกรองเชิงรับในหน่วยบริการเมื่อค่าฝุ่นมากกว่า 37.5 มคก./ลบ.ม. ด้วย

คพ. - กทม. ผนึกกำลังลด PM2.5
     นางสาวปรีญาพร สุวรรณเกษ อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) เปิดเผยว่า ตามนโยบายรัฐบาล ได้กำหนดมาตรการเข้มงวดตรวจสอบและห้ามใช้รถยนต์ควันดำในช่วงวิกฤตฝุ่นในเมือง ทั้งในพื้นที่กรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด กรมควบคุมมลพิษ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนดแผนการตรวจสอบตรวจจับและห้ามใช้รถควันดำริมเส้นทางจราจรในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และอีก 35 จังหวัด ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2567 จนถึงเดือนมีนาคม 2568 
     •    ในกรุงเทพมหานครจะมีเจ้าหน้าที่ 4 ชุด เข้าร่วมปฏิบัติงานกับกองบังคับการตำรวจจราจร กรมการขนส่งทางบก และกรุงเทพมหานคร ตามจุดต่าง ๆ รวมวันละ 14 ชุด ครอบคลุมพื้นที่ 17 เขต (เขตคลองสามวา ดอนเมือง ตลิ่งชัน ทวีวัฒนา บางขุนเทียน บางเขน บางแค บางนา ประเวศ บางบอน ภาษีเจริญ มีนบุรี ลาดกระบัง สายไหม สะพานสูง หนองแขม หนองจอก) 
     •    พื้นที่ต่างจังหวัดให้ดำเนินการเข้มข้นในพื้นที่ปริมณฑลและเมืองหลัก ให้สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1-16 กรมควบคุมมลพิษ บูรณาการร่วมกับสำนักงานขนส่งจังหวัด สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด ตำรวจภูธรจังหวัด และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 

แผนปฏิบัติการแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ปี 2568
     1. เข้มงวดตรวจวัดและตรวจจับรถยนต์ควันดำทุกประเภทร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามแผน 
     2. ประสานสถานีตำรวจท้องที่อำนวยการจราจรและกวดขันห้ามจอดรถในถนนสายหลักสายรองตลอดเวลา 
     3. ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนบำรุงรักษาเครื่องยนต์ การจอดรถให้ดับเครื่อง และลดการใช้รถยนต์ส่วนบุคคล 
     4. ควบคุมสถานประกอบกิจการ โรงงาน แพลนท์ปูน และสถานที่ก่อสร้างในพื้นที่ไม่ให้ปล่อยมลพิษอากาศเกินค่ามาตรฐานที่กฎหมายกำหนด 
     5. ขอความร่วมมือศาลเจ้า มูลนิธิ และวัด งดจุดธูป และเผากระดาษ 
     6. เข้มงวดตรวจตราควบคุมไม่ให้มีการเผาขยะหรือการเผาในที่โล่งทุกประเภท 
     7. เพิ่มความถี่ในการล้างและดูดฝุ่นถนน ล้างต้นไม้ ใบไม้ และฉีดล้างทำความสะอาดป้ายรถเมล์อย่างต่อเนื่อง 
     8. พิจารณาออกประกาศพื้นที่ควบคุมเหตุรำคาญในกรุงเทพมหานคร ตามพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. 2535 และบังคับใช้ประกาศอย่างเข้มงวดกับผู้ฝ่าฝืนมาตรการในประกาศฯ 
     9. ประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ พร้อมคำแนะนำวิธีป้องกันสุขอนามัยจากฝุ่นละออง PM2.5 ให้กับประชาชน และแจ้งเตือนประชาชนให้ติดตามสถานการณ์ฝุ่นละออง PM2.5 ผ่านช่องทางแอปพลิเคชันและเว็บไซต์ AirBKK หากประชาชนพบเห็นแหล่งกำเนิดมลพิษสามารถแจ้งเบาะแสผ่านทางแอปพลิเคชัน Traffy Fondue 
     10. ออกหน่วยบริการสาธารณสุขและหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ คลินิกมลพิษทางอากาศดูแลสุขภาพประชาชน 
     11. ดำเนินการตามมาตรการลดฝุ่นละออง PM2.5 ในโรงเรียนอย่างเคร่งครัด เพื่อลดผลกระทบต่อสุขภาพของนักเรียนในโรงเรียน

#สธเตือนค่าฝุ่นPM2.5ยังสูงเกินมาตรฐานถึง15มคห่วง38ล้านคนรับผลกระทบเน้น4ข้อสั่งการรับมือ #กระทรวงสาธารณสุข #กรมการแพทย์ #กรมควบคุมมลพิษ #กรุงเทพมหานคร #นโยบายรัฐบาล20กระทรวง


image รูปภาพ
image

Line

คะแนนโหวต :
StarStarStarStarStar