รัฐบาลเตือนผู้กู้ยืม กยศ. ไม่ชำระเงินคืนตามกำหนด “เพิ่มดอกเบี้ย-เบี้ยปรับ” ทำรุ่นน้องเสียโอกาส

จากกรณีที่มีผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์อ้างตัวว่าเป็นผู้กู้ยืมเงินกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ได้โพสต์รีวิว การบิดหนี้ กยศ. โดยชักชวนผู้กู้ยืมท่านอื่นให้ไม่ชำระหนี้คืน กยศ. ขอชี้แจงว่า กยศ. เป็นหน่วยงานของรัฐ มีวัตถุประสงค์ให้กู้ยืมเงินเพื่อการศึกษา เพื่อเพิ่มโอกาสทางการศึกษาและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของประเทศ โดยใช้เงินจากงบประมาณแผ่นดิน และเงินที่ได้รับชำระหนี้ของผู้กู้ยืมรุ่นพี่กลับมาเป็นทุนหมุนเวียนเพื่อนำไปสร้างโอกาสทางการศึกษาให้แก่ผู้กู้ยืมรุ่นน้อง โดย กยศ. มุ่งหวังที่จะช่วยเหลือผู้ที่ต้องการศึกษาต่อสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่มีดอกเบี้ยต่ำ เพียงร้อยละ 1 ต่อปี มีระยะเวลาผ่อนชำระนานถึง 15 ปี และมีเงื่อนไขการผ่อนชำระหนี้ที่ยืดหยุ่น ดังนั้น การชำระหนี้จึงเป็นหน้าที่และความรับผิดชอบที่ผู้กู้ยืมทุกคนควรปฏิบัติเพื่อส่งต่อโอกาสทางการศึกษาให้แก่รุ่นน้องต่อไป

พร้อมย้ำว่า หากผู้กู้ยืมไม่ชำระเงินคืนตามกำหนดจะทำให้เกิดภาระดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นและเกิดเบี้ยปรับจากการผิดนัดชำระหนี้ รวมถึงอาจถูกฟ้องร้องบังคับคดีตามกฎหมายอีกด้วย กรณีการชักชวนหรือสนับสนุนให้ผู้อื่นหลีกเลี่ยงการชำระหนี้หรือโอนทรัพย์สินเพื่อหลีกเลี่ยงการบังคับชำระหนี้ ถือเป็นการกระทำที่ขาดจิตสำนึกความรับผิดชอบและผิดกฎหมาย

สำหรับหลักเกณฑ์ในการปรับโครงสร้างหนี้ ผู้กู้ยืมจะต้องผ่อนชำระเงินคืนกองทุนเป็นรายเดือนในอัตราเท่ากันทุกเดือน ชำระภายในวันที่ 5 ให้เสร็จสิ้นภายใน 15 ปี ในการชำระเงินงวดสุดท้าย ผู้กู้ยืมต้องมีอายุไม่เกิน 65 ปีบริบูรณ์ มีการคำนวณยอดหนี้ที่จะนำมาปรับโครงสร้างหนี้ใหม่ ให้ส่วนลดเบี้ยปรับ 100% เมื่อทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ผู้ค้ำประกันจะหลุดพ้นจากสัญญาค้ำทันที สามารถดูรายละเอียดและลงทะเบียนได้ที่ https://www.studentloan.or.th/th/news/1732090104 ยื่นขอปรับโครงสร้างหนี้ได้ที่ สำนักงาน กยศ. หรือในต่างจังหวัด (ตามกำหนดการ กยศ.) และสำนักงานบังคับคดีทั่วประเทศ

(12 ธ.ค. 67) จากกรณีที่มีผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์อ้างตัวว่าเป็นผู้กู้ยืมเงินกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ได้โพสต์รีวิว การบิดหนี้ กยศ. โดยชักชวนผู้กู้ยืมท่านอื่นให้ไม่ชำระหนี้คืน ดร.นันทวัน วงศ์ขจรกิตติ ผู้จัดการ กยศ. กล่าวชี้แจงว่า กยศ. เป็นหน่วยงานของรัฐ มีวัตถุประสงค์ให้กู้ยืมเงินเพื่อการศึกษา เพื่อเพิ่มโอกาสทางการศึกษาและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของประเทศ โดยใช้เงินจากงบประมาณแผ่นดินและเงินที่ได้รับชำระหนี้ของผู้กู้ยืมรุ่นพี่กลับมาเป็นทุนหมุนเวียนเพื่อนำไปสร้างโอกาสทางการศึกษาให้แก่ผู้กู้ยืมรุ่นน้อง โดย กยศ. มุ่งหวังที่จะช่วยเหลือผู้ที่ต้องการศึกษาต่อสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่มีดอกเบี้ยต่ำ เพียงร้อยละ 1 ต่อปี มีระยะเวลาผ่อนชำระนานถึง 15 ปี และมีเงื่อนไขการผ่อนชำระหนี้ที่ยืดหยุ่น ดังนั้น การชำระหนี้จึงเป็นหน้าที่และความรับผิดชอบที่ผู้กู้ยืมทุกคนควรปฏิบัติเพื่อส่งต่อโอกาสทางการศึกษาให้แก่รุ่นน้องต่อไป 

• หากผู้กู้ยืมไม่ชำระเงินคืนตามกำหนดจะทำให้เกิดภาระดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นและเกิดเบี้ยปรับจากการผิดนัดชำระหนี้ รวมถึงอาจถูกฟ้องร้องบังคับคดีตามกฎหมายอีกด้วย 

• การชักชวนหรือสนับสนุนให้ผู้อื่นหลีกเลี่ยงการชำระหนี้หรือโอนทรัพย์สินเพื่อหลีกเลี่ยงการบังคับชำระหนี้ ถือเป็นการกระทำที่ขาดจิตสำนึกความรับผิดชอบและผิดกฎหมาย ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อนักเรียน นักศึกษารุ่นน้องที่ต้องการความช่วยเหลือจาก กยศ. ได้ในอนาคต 

ทั้งนี้ หากผู้กู้ยืมคนใดประสบปัญหาทางการเงินและไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด สามารถติดต่อ กยศ. เพื่อขอปรับโครงสร้างหนี้เพื่อขยายระยะเวลาการชำระหนี้ได้ กยศ. ขอเน้นย้ำถึงความสำคัญของการปฏิบัติตามข้อตกลงในการกู้ยืมเงินและการชำระหนี้ และขอให้ผู้กู้ยืมทุกคนที่เคยได้รับโอกาสจาก กยศ. มีความรับผิดชอบในการชำระเงินคืน เพื่อเป็นทุนหมุนเวียนส่งต่อโอกาสทางการศึกษาให้แก่รุ่นน้องต่อไป

ความคืบหน้าการปรับโครงสร้างหนี้

สำหรับความคืบหน้าในการปรับโครงสร้างหนี้เพื่อช่วยเหลือผู้กู้ยืม กองทุนฯ ได้ทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ทั้งในกรุงเทพฯ และจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ ตั้งแต่เดือน ก.พ. - ก.ย. 2567 มีผู้กู้ยืมเงินเข้าทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้แล้วกว่า 168,000 ราย โดยภาพรวมการรับชำระหนี้ในปีนี้ กองทุนฯ ได้รับชำระเงินคืนจำนวน 23,359 ล้านบาท (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ส.ค. 67) 

สถิติข้อมูล กยศ. วันที่ 30 ก.ย. 67 ผู้กู้ยืมเงินกองทุน: 7,112,733 ราย

• 51% อยู่ระหว่างการชำระหนี้ 3,614,915 ราย

• 21% อยู่ในช่วงปลอดหนี้ 1,492,743 ราย

• 27% ชำระหนี้เสร็จสิ้น 1,931,321 ราย

• 1% เสียชีวิต/ทุพพลภาพ 73,754 ราย

เงื่อนไขการปรับโครงสร้างหนี้

1. ผู้กู้ยืมจะต้องผ่อนชำระเงินคืนกองทุนเป็นรายเดือนในอัตราเท่ากันทุกเดือน

2. ผู้กู้ยืมต้องชำระภายในวันที่ 5 ของทุกเดือนให้เสร็จสิ้นภายใน 15 ปี

3. ในการชำระเงินงวดสุดท้าย ผู้กู้ยืมต้องมีอายุไม่เกิน 65 ปีบริบูรณ์

4. การคำนวณยอดหนี้ที่จะนำมาปรับโครงสร้างหนี้

• กองทุนฯ จะนำรายการชำระหนี้ของผู้กู้ยืมนับแต่วันที่ครบกำหนดชำระหนี้ครั้งแรกมาคำนวณใหม่ตามที่กฎหมายกำหนด

• ในกรณีคำนวณยอดหนี้ใหม่แล้วไม่มียอดหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยคงเหลือ กองทุนฯ จะปรับโครงสร้างหนี้ให้ผู้กู้ยืมและให้ส่วนลดเบี้ยปรับ 100% โดยถือว่าผู้กู้ยืมได้ชำระหนี้ปิดบัญชีเรียบร้อยแล้ว

• สำหรับผู้กู้ยืมที่มียอดหนี้คงเหลือและอยู่ระหว่างการผ่อนชำระ กองทุนฯ จะนำรายการชำระหนี้ของ

ผู้กู้ยืมเงินแต่ละรายนับแต่วันครบกำหนดชำระหนี้ครั้งแรกมาคำนวณตัดชำระหนี้ใหม่ จากเดิมตัดเบี้ยปรับ ดอกเบี้ย และเงินต้น แต่เมื่อปรับโครงสร้างหนี้ใหม่จะตัดเงินต้น (เฉพาะส่วนที่ครบกำหนด) ดอกเบี้ย และเบี้ยปรับตามลำดับ

• อัตราดอกเบี้ย 1% ต่อปี และอัตราเบี้ยปรับ 0.5% ต่อปี

• ในส่วนของเบี้ยปรับทั้งหมด กองทุนฯ จะพักแขวนไว้ เมื่อผู้กู้ได้ทำการชำระหนี้ปิดบัญชีจะได้รับส่วนลดเบี้ยปรับ 100%

• เมื่อทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้แล้วผู้ค้ำประกันจะหลุดพ้นจากสัญญาค้ำประกันเงินกู้ทันที

• ในกรณีที่ผู้กู้ยืมผิดนัดชำระหนี้ตามสัญญาปรับโครงสร้างหนี้สะสมถึง 6 งวด หรือเมื่อผู้กู้ยืมมีงวดผ่อนชำระเหลือไม่ถึง 6 งวด หากผิดนัดชำระงวดใดงวดหนึ่งถือว่าผิดนัดชำระหนี้ทั้งหมด ให้ถือว่าสัญญาปรับโครงสร้างหนี้สิ้นสุดลง กองทุนฯ จะนำเบี้ยปรับที่ตั้งพักแขวนไว้กลับคืนมาเป็นทุนทรัพย์เพื่อดำเนินการฟ้องร้องหรือบังคับคดีกับผู้กู้ยืมต่อไป

 

#รัฐบาลเตือนผู้กู้ยืมกยศไม่ชำระเงินคืนตามกำหนดเพิ่มดอกเบี้ยเบี้ยปรับทำรุ่นน้องเสียโอกาส #กระทรวงการคลัง #กระทรวงยุติธรรม #กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา #นโยบายรัฐบาล20กระทรวง


image รูปภาพ
image

Line

คะแนนโหวต :
StarStarStarStarStar