เปิดขั้นตอนเลือกนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 แคนดิเดตนายกฯ ตามชื่อในบัญชีพรรคและลงมติโดยเปิดเผย ไม่รวมเสียง สว.

เปิดขั้นตอนเลือกนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 แคนดิเดตนายกฯ ตามชื่อในบัญชีพรรคและลงมติโดยเปิดเผย ไม่รวมเสียง สว.

          หลังจากที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีมติ 5 ต่อ 4 วินิจฉัยให้ความเป็นรัฐมนตรีของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) จากกรณีนําความกราบบังคมทูล เพื่อโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทั้งที่เคยถูกศาลฎีกาสั่งจําคุกเป็นเวลา 6 เดือน ในความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล

เปิดขั้นตอนการเลือกนายกฯ คนที่ 31
          ศาสตราจารย์ (พิเศษ) ธงทอง จันทรางศุ อดีตปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ขั้นตอนในการเลือกนายกฯ คนต่อไปแทน นายเศรษฐา ทวีสิน ดังนี้
          1. เมื่อนายกรัฐมนตรีเศรษฐา พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรีทั้งคณะต้องพ้นจากตำแหน่งไปด้วย เพราะถือหลักอธิบายว่ารัฐมนตรีทุกคนได้รับการสรรหามาจากนายกรัฐมนตรี เมื่อบุคคลต้นทางพ้นจากตำแหน่งแล้ว ผู้ที่อยู่ในแถวก็ต้องพ้นไปด้วย
          2. แต่ราชการแผ่นดินจะหยุดชะงักหรือเว้นว่างไม่ได้ รัฐมนตรีในชุดเดิมจึงยังต้องรักษาการต่อไปจนกว่าจะมีคณะรัฐมนตรีชุดใหม่เข้าทำหน้าที่
          3. เฉพาะตัวอดีตนายกรัฐมนตรีเศรษฐา ไม่อาจรักษาการได้ เป็นการพ้นแล้วพ้นเลย คณะรัฐมนตรีส่วนที่เหลืออยู่ต้องรีบมาประชุมตกลงกัน เพื่อมีมติว่าจะให้รองนายกรัฐมนตรีคนใดเป็นหัวหน้าทีมในระหว่างนี้
          4. ในทางการเมืองต้องรีบมีการหารือกันระหว่างพรรคการเมืองทั้งหลาย เพื่อเตรียมการที่จะมีการเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยการเลือกนายกรัฐมนตรีครั้งนี้ วุฒิสภาไม่เกี่ยวข้องเพราะอำนาจตามบทเฉพาะกาลจบไปแล้ว 
          5. ผู้ที่จะได้รับเสนอชื่อให้เป็นทางเลือกสำหรับดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต้องเป็นผู้ที่มีชื่ออยู่ในบัญชีที่พรรคการเมืองได้เสนอไว้ เมื่อการเลือกตั้งปี 2566 
          6. เมื่อได้นายกรัฐมนตรีคนใหม่แล้ว จึงจัดตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ต่อไป

สภาฯ เปิดประชุมนัดพิเศษเลือกนายกฯ คนที่ 31
          ประธานสภาผู้แทนราษฎรได้มีคำสั่งนัดประชุมสภาผู้แทนราษฎร เป็นพิเศษ ในวันที่ 16 สิงหาคม 2567 เวลา 10.00 น. เป็นต้นไป เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 159 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 ขณะนี้เหลืออยู่ 7 คน จาก 5 พรรค ได้แก่
          1. พรรคเพื่อไทย ได้แก่ นางสาว แพทองธาร ชินวัตร  และ นายชัยเกษม นิติสิริ 
          2. พรรคภูมิใจไทย ได้แก่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล 
          3. พรรคพลังประชารัฐ ได้แก่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ 
          4. พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้แก่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา (ปัจจุบันเป็นองคมนตรี) และ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค
          5. พรรคประชาธิปัตย์ ได้แก่ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์

ขั้นตอนการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ในสภาฯ 
ขั้นตอนที่ 1
          แคนดิเดตนายกฯ ที่จะถูกเสนอชื่อมาโหวตในสภา จากบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองเคยแจ้งไว้ในการเลือกตั้งทั่วไป ตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 88 (กำหนดให้พรรคการเมืองส่งบัญชีรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีได้ไม่เกิน 3 ชื่อ โดยการเสนอชื่อผู้สมควร ได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรี จะต้องเสนอชื่อผู้ที่มีคุณสมบัติ และไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 160) การเสนอชื่อแคนดิดเดตนายกรัฐมนตรี เพื่อให้ สส.ลงมติเลือกจะต้องมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) รับรองด้วยจำนวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 ของ สส.ทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ในสภาฯ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 159
ขั้นตอนที่ 2
          การลงมติเลือกนายกฯ ต้องกระทำโดยการลงคะแนนโดยเปิดเผย และมีคะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกรัฐสภา ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 159 ด้วยการขานชื่อตามลำดับอักษร และให้ออกเสียงลงคะแนนเป็นรายบุคคล
ขั้นตอนที่ 3
          รัฐสภาจะคัดเลือก สส. ขึ้นมาเป็นกรรมการนับคะแนนเพื่อความโปร่งใส ทั้งนี้ บุคคลที่จะได้เป็นนายกฯ จะต้องได้เสียงเกินกึ่งหนึ่งของสภา (ไม่นับรวม สว.) จำนวน สส.ปัจจุบันมีทั้งหมด 493 คน ต้องได้คะแนนเสียงตั้งแต่ 248 เสียงขึ้นไป จึงจะได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรี
ขั้นตอนที่ 4
          เมื่อมีการเห็นชอบบุคคลที่จะได้เป็นนายกฯ แล้ว ประธานรัฐสภา คือ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา จะเป็นผู้นำชื่อนายกฯ ขึ้นทูลเกล้าฯ ต่อไป

#เปิดขั้นตอนเลือกนายกรัฐมนตรีคนที่31 #รัฐบาล #สภาผู้แทนราษฎร #นโยบายรัฐบาล20กระทรวง


image รูปภาพ
image

Line

คะแนนโหวต :
StarStarStarStarStar